กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จัดกิจกรรมเสวนาส่งเสริม Soft Power “เบิกฟ้าอโยธยา ย้อนเวลาไปกับพรหมลิขิต” ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี โดยมี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายนิวัฒน์ รุ่งสาครผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นางสาวสุกัญญา เบาเนิดผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา นายเขมทัตต์ พลเดชนายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ นายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัทบีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) อรุโณชา ภาณุพันธุ์ผู้จัดละคร และนักแสดงจากละครเรื่อง “พรหมลิขิต” ได้แก่ ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล วิวิธวรรธ์, พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์, โอม-คณิน สแตนลีย์ และ รอน-ภัทรภณ โตอุ่น เข้าร่วมงานเสวนา โดยมี สายฝน ชีช้าง พิธีกรรายการสีสันบันเทิง เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา ณ อาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับการเสวนา “เบิกฟ้าอโยธยา ย้อนเวลาไปกับพรหมลิขิต” จัดขึ้นเพื่อเป็นการร่วมกันถอดบทเรียนที่สำคัญจากการผลิตและนำเสนอละคร “พรหมลิขิต” เพื่อที่จะนำมาปรับใช้เป็นแนวทางส่งเสริมและผลักดันผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรมไทยออกสู่ระดับสากลเพื่อสร้างการรับรู้ และเพิ่มการท่องเที่ยวอันจะส่งผลต่อการสร้างรายได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ชุมชนทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง หรือ FILM อันได้แก่ ละครโทรทัศน์ ซีรี่ส์ ภาพยนตร์ ฯลฯ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างความสำเร็จในการผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ ให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
“พรหมลิขิต” เป็นภาคต่อของละครรักโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ “บุพเพสันนิวาส” นำแสดงโดย โป๊ป- ธนวรรธน์ และ เบลล่า-ราณี ผู้จัด หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธุ์ กำกับการแสดง สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร์ ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นมากกว่าละคร เพราะได้รับความนิยมที่สูงตั้งแต่ตอนแรกและมีเรื่องราวเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของความเป็นไทยสอดแทรกไปกับการดำเนินเรื่องของละคร ทำให้ผู้ชมได้ติดตามเรื่องราวที่สนุกสนานพร้อมกับความรู้สึกผูกพันกับความเป็นไทยอย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องแต่งกายไทยสมัยอยุธยา อาหารไทย โบราณสถานและที่สำคัญยังทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจในประวัติศาสตร์ช่วงปลายอยุธยาซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการท่องเที่ยวในสถานที่ที่เกี่ยวกับละครได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ละครเริ่มออกอากาศ โดยเฉพาะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นต้นเรื่องของละคร นอกจากนี้ ละครพรหมลิขิตยังมีการจำหน่ายลิขสิทธิ์เพื่อไปออกอากาศและสตรีมในแพลตฟอร์มของต่างประเทศกว่า 10 ประเทศ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีของการใช้คอนเทนต์และความบันเทิงเป็นเครื่องมือผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ ให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล อันเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางของกระทรวงวัฒนธรรม โดยการเสวนามีการกล่าวถึงประเด็นแนวทางการส่งเสริมจากภาครัฐเพื่อให้สื่อบันเทิงอย่างละครสามารถผลิตผลงานสู่สากลได้มากขึ้น การทำงานและเบื้องหลังความสำเร็จของผู้ประกอบการและผู้จัดละครที่จะต้องผลิตคอนเทนต์ที่ทั้งต้องสนุกจนได้รับความนิยม และในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถที่จะเผยแพร่เรื่องราวความเป็นเอกลักษณ์ของไทยไปด้วย ให้กลายเป็นพลังละมุนที่จะทำให้ชาวต่างชาติเกิดความสนใจในประเทศไทยและต่อยอดให้เกิดรายได้แก่ประเทศต่อไป
ในโอกาสนี้ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้จัด หน่อง-อรุโณชา และนักแสดง ปีเตอร์แพน-ทัศน์พล, พีพี-ปุญญ์ปรีดี, โอม-คณิน และ รอน-ภัทรภณ ยังได้ร่วมสัมผัสชมความสวยงามของโบราณสถานในยามค่ำคืน ชมการบรรเลงและขับร้องดนตรีไทยและการแสดงทางวัฒนธรรม ในงาน “ราตรีนี้..ที่วัดไชยวัฒนาราม” ซึ่งกรมศิลปากรได้จัดขึ้นทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์และเทศกาลสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จนถึง 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่