(L-R) Mufasa (voiced by Aaron Pierre), Young Rafiki (Kagiso Lediga), Taka (voiced by Kelvin Harrison Jr.) and Sarabi (Tiffany Boone). Photo courtesy of Disney. © 2024 Disney Enterprises Inc. All Rights Reserved.

หลังเข้าฉายได้ไม่นาน “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” ก็สร้างกระแสบอกต่อถึงความยอดเยี่ยมสมกับเป็นภาพยนตร์ที่สุดแห่งปี โดยทุกเสียงการันตี “เนื้อเรื่องเยี่ยม ภาพสวย เพลงดี” ควรค่าแก่การชวนคนที่รักเข้าโรงภาพยนตร์ไปดูด้วยกันในช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ได้มือทองอย่าง ลิน-มานูเอล มิรันดา (Lin-Manuel Miranda) มาร่ายเวทมนตร์ให้หลายคนประทับใจไปกับความเพราะติดหู และยังสื่ออารมณ์ เสริมเนื้อเรื่องได้อย่างกลมกล่อม ทำให้หลายคนร้องตามได้ทันทีหลังดูจบ เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่งานเพลงเจ๋งไม่แพ้ภาคก่อนเลย

เพลงประกอบโดยมือทองด้านเพลง ลิน-มานูเอล มิรันดา

หากใครเป็นแฟน The Lion King คงคุ้นเคยกับเพลงต้นฉบับของ เอลตัน จอห์น (Elton John) และทิม ไรซ์ (Tim Rice) จากแอนิเมชันเรื่องโปรดได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าภาคต่ออย่าง “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” ต้องมีเพลงที่ถูกใจแฟน ๆ จนขึ้นหิ้งเข้าทำเนียบเพลงยอดเยี่ยมของ The Lion King ด้วยเช่นกัน เพราะภาคนี้ได้ ลิน-มานูเอล มิรันดา (Lin-Manuel Miranda) อัจฉริยะด้านดนตรี มาแต่งเพลงและดูแลเรื่องเพลงประกอบภาพยนตร์

(L-R) Kiara (voiced by Blue Ivy Carter) and Simba (voiced by Donald Glover) in Disney’s live-action MUFASA: THE LION KING. Photo courtesy of Disney. © 2024 Disney Enterprises Inc. All Rights Reserved.

ลิน-มานูเอล มิรันดา เป็นผู้สร้างสรรค์และนักแสดงคนแรกๆ ของละครเวทีบรอดเวย์เรื่อง “Hamilton” ซึ่งได้รับรางวัล Pulitzer Prize สาขาละคร ในปี 2016 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony® ถึง 16 ประเภทรางวัล โดยคว้าไปได้ถึง 11 ประเภทรางวัล และยังได้รับรางวัล Emmy® 2 รางวัล สำหรับบันทึกการแสดงละครเวที “Hamilton” ที่ออกอากาศทาง Disney+ Hotstar รวมถึงรางวัล Grammy® จากอัลบั้มบันทึกเสียงนักแสดงดั้งเดิมบรอดเวย์ของ “Hamilton” อีกทั้งยังได้รับรางวัล Grammy® จากเพลง “How Far I’ll Go” ที่แต่งให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “Moana” และเพลง “We Don’t Talk About Bruno” ที่แต่งให้กับ “Encanto” นอกจากนี้ยังได้รับอีกหลายรางวัล ตลอดจนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ อีกหลายครั้ง โดยใน “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” นอกจากจะแต่งเพลงประกอบเองทั้งหมดมิรันดายังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ด้านเพลงร่วมกับ มาร์ก มานซินา (Mark Mancina) โดยมี เลโบ เอ็ม. (Lebo M.) มาร่วมดูแลเพลงและการแสดงเพิ่มเติม

“เพลงและดนตรีประกอบของ The Lion King นั้นอยู่ในระดับ Iconic ที่ตราตรึงใจผู้ชมและผู้ฟัง โดยมีเอกลักษณ์ที่การผสมผสานดนตรีตะวันตกของ เอลตัน จอห์น เข้ากับเสียงดนตรีของแอฟริกา ซึ่งมิรันดาเข้าใจแง่มุมนี้ดี เราเลยช่วยกันเจาะลึกถึงการสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมของต้นฉบับ ก่อนจะนำพลังของ เลโบ เอ็ม ที่ผมมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของ The Lion King ไปสู่ทิศทางใหม่ที่ทุกคนจะได้ยินและได้ฟังใน Mufasa: The Lion King”  แบร์รี่ เจนกินส์ (Barry Jenkins) ผู้กำกับของเรื่องนี้กล่าว

เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างกลมกล่อมและลงตัว

สำหรับผู้กำกับที่ใส่ใจทุกรายละเอียดอย่าง แบร์รี่ เจนกินส์ มองว่าภาพยนตร์เพลงที่ดีต้องมีเพลงที่ไม่เพียงสร้างความบันเทิงและทำให้คนดูซาบซึ้ง แต่ยังต้องเป็นเพลงที่ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวได้ด้วย “สิ่งที่จะเกิดขึ้นในขณะที่คุณกำลังดูภาพยนตร์เพลงคือ คุณสามารถโยกหัวไปตามจังหวะเพลง อินไปกับบรรยากาศ และในขณะเดียวกันก็กำลังซึมซับเรื่องราวไปพร้อมกันด้วย” เจนกินส์กล่าว ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับการทำงานของมิรันดาที่ใส่ใจในเนื้อเรื่องตั้งแต่แรกจนกล่าวได้ว่า สิ่งที่ชนะใจเขาจนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ก็คือเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง

“เมื่อผมอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็รู้สึกได้ว่าจุดที่ต้องมีเพลงเด่นชัดออกมาเลยจริง ๆ ซึ่งในบรรดาเพลงที่ผมแต่งให้กับ Mufasa: The Lion King มีอย่างน้อย 2-3 เพลงที่ชื่อเพลงมาจากบทสนทนาในบทภาพยนตร์ อย่าง ‘I always wanted a brother’ ก็เป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาของตัวละคร และผมก็แต่งเนื้อเพลงทั้งเพลงจากชื่อเพลงนั้น โดยผมจะมองหาวัตถุดิบจากบทภาพยนตร์เสมอว่าจะร้องอะไรออกไป” มิรันดาเล่าถึงการทำงานของเขา ก่อนจะเผยถึงวิธีวัดผลว่าเพลงที่แต่งสำหรับ “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” จะถูกใจคนดูหรือไม่ว่า “ตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในชีวิตผมคือลูกชายของผมเอง ผมมีลูกชายสองคน และจะรู้ได้ทันทีว่าเพลงที่แต่งใช้ได้ถ้าพวกเขาร้องเพลงนั้นในบ้าน ดังนั้นพอได้ยินลูกชายวัย 6 ขวบวิ่งไปรอบๆ แล้วร้อง ‘I always wanted a brother!’ ผมก็คิดเลยว่า โอเค เพลงนี้ผ่าน”

และนอกจากหาวัตถุดิบจากบทภาพยนตร์ เขายังมองหาโอกาสที่จะมอบความสนุกสนานเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนดูด้วยการสร้าง Joy Bombs ผ่านบทเพลงด้วย “อย่างที่รู้ว่าตลอดเรื่องนี้เป็นการเดินทางที่ยากลำบากสำหรับตัวละครของเรา ดังนั้นผมจึงคิดว่าเป็นหน้าที่ของผมที่จะเขียน ‘Joy Bombs’ ในช่วงกลางเรื่อง เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุข ให้ทุกคนหลีกหนีจากเรื่องราวที่เป็นอยู่ เหมือนกับตอนที่เราดู The Lion King แล้วอยู่ ๆ ก็มีเพลง Hakuna Matata ขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดและทำให้คุณรู้สึกดี” ซึ่ง Joy Bombs ที่ว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหนในเรื่องบ้าง ต้องไปหาคำตอบในโรงภาพยนตร์

ทุกส่วนของเพลงและดนตรีประกอบเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มิรันดาบอกว่าการแต่งเพลงจะออกมาดีที่สุดเมื่อผู้แสดงและเพลงมารวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่ง “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” เป็นเช่นนั้น เพราะนักแสดงผู้ให้เสียงตัวละครทุกคนถูกคัดเลือกมาอย่างดีและมีความสามารถจนกล้าพูดได้ว่าแต่ละคนเป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยม “แบร์รี่ เจนกินส์ คัดเลือกนักแสดงได้อย่างเหมาะสมที่สุด ทั้ง แอรอน ปิแอร์ (Aaron Pierre) นักร้องบาริโทนที่เสียงเหมาะกับบทมูฟาซามาก เพราะต้นแบบคือ เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones) จาก The Lion King ที่มีเสียงบาริโทนเช่นเดียวกัน รวมถึง เคลวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์ (Kelvin Harrison Jr.) ผู้รับบททาก้า ซึ่งผมเป็นแฟนเขาอยู่แล้ว จำได้ว่าเคยดูเขาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Cyrano แล้วประทับใจมาก ต้องบอกว่านักแสดงทุกคนยอดเยี่ยมจริง ๆ และผมดีใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับพวกเขา” มิรันดากล่าว 

ไม่เพียงแค่เพลงที่ไพเราะ ดนตรีประกอบที่ทำงานร่วมกับเพลงได้อย่างลงตัวก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่น โดย “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง” ได้ เดฟ เมตซ์เจอร์ (Dave Metzger) ผู้ออกแบบดนตรีสำหรับเวอร์ชั่นบรอดเวย์ของ The Lion King มาดูแลดนตรีประกอบต้นฉบับ ซึ่งเขาได้หาวิธีที่จะนำธีมที่มีอยู่มาใช้ในดนตรีประกอบ เพื่อให้รู้สึกสดใหม่ในขณะที่ยังคงสะท้อนถึงสิ่งที่จะพัฒนาไปในอนาคต นอกจากนี้ยังสร้างธีมดนตรีประกอบใหม่ให้กับตัวละครที่ผู้ชมรักอย่างราฟิกิ และตัวละครใหม่ที่จะปรากฏตัวในเรื่องนี้เป็นครั้งแรกอย่างเคียร่า หลานสาวของมูฟาซา โดยเมตซ์เจอร์ เผยว่าหนึ่งในความสนุกและท้าทายของงานดนตรีในเรื่องนี้คือการพัฒนาธีมของทาก้าและเปลี่ยนแปลงมันให้กลายเป็นสิ่งที่เขาจะเป็นภายหลังในฐานะสการ์

(L-R): Mufasa (voiced by Aaron Pierre), Eshe (Thandiwe Newton), and Taka (Kelvin Harrison Jr.) in Disney’s live-action MUFASA: THE LION KING. Photo courtesy of Disney. © 2024 Disney Enterprises Inc. All Rights Reserved.

“Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง มีเพลงประกอบที่แต่งขึ้นใหม่ ทั้งหมด 7 เพลง ซึ่งการันตรีความเพราะติดหูโดย ลิน-มานูเอล มิรันดา และดนตรีประกอบของเรื่องนี้ทำการบันทึกเสียงโดยใช้วงออร์เคสตรา 91 ชิ้นมาสร้างสรรค์ความไพเราะ จะอลังการและขับเร้าอารมณ์แค่ไหน ไปพิสูจน์ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ และระบบ IMAX ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ “Disney’s Mufasa: The Lion King มูฟาซาเดอะ ไลอ้อน คิง เป็นเรื่องราวการก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างเหนือความคาดหมายของราชาผู้เป็นที่รักแห่ง Pride Lands ถ่ายทอดผ่านสายตาและคำบอกเล่าของ “ราฟิกิ” ที่ปรึกษาของอาณาจักร ที่เล่าตำนานของราชามูฟาซา ให้สิงโตน้อย “เคียร่า” ลูกสาวของ “ซิมบ้า” และ “นาล่า” ฟัง โดยมี “ทีโมน” และ “พุมบ้า” ช่วยเสริมลีลาการเล่าเรื่องให้สนุกชวนติดตามมากขึ้น เรื่องราวจะเล่าย้อนไปในอดีต ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มูฟาซายังเป็นลูกสิงโตกำพร้าที่พลัดหลงและโดดเดี่ยว กระทั่งบังเอิญได้พบกับ “ทาก้า” สิงโตหนุ่มทายาทแห่งสายเลือดราชาผู้โอบอ้อมอารี นำไปสู่จุดเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวไกลของกลุ่มสัตว์ผู้แตกต่างแต่พิเศษที่ออกเดินทางร่วมกันเพื่อค้นหาโชคชะตาของตัวเอง โดยมีศัตรูที่อันตรายและน่ากลัวเป็นบททดสอบความสัมพันธ์

โซเชียลมีเดีย:
X: @DisneyStudiosTH
Instagram: @disneystudiosth
Facebook: @WaltDisneyStudiosTH
Youtube: @waltdisneystudiosth

คลิปสัมภาษณ์เรื่องเพลงประกอบ: 
https://www.facebook.com/watch/?v=358946637303315&rdid=DiZUegTUmfXV5Uj1

ตัวอย่าง

ล่าสุด..