ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ร่วมกับ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) ผนึกกำลังส่งเสริมความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์น้ำ และฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้กับเยาวชน เพื่อส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลัง จัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศความพร้อมในการเดินหน้า “โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ” ปีที่ 3 ในวันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ณ 101 ทรูดิจิทัล พาร์ค
ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย จับมือกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และ EEC จัด โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ ปีที่ 3 เพื่อส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลัง
ในงานแถลงข่าว สมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า ร่วมกันกล่าวเปิดงาน โดยอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมยังได้เปิดเผยความมุ่งมั่นต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพน้ำ เพื่อรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด และมีอย่างพอเพียงสำหรับคนรุ่นหลัง ร่วมกับ มธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า และ อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา หรือ Environmental Education Centre (EEC)
สมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงบทบาทของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับการบริหารจัดการน้ำในประเทศไทย เพื่อให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนว่า “น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และในปีนี้ องค์การ สหประชาชาติ ได้ขับเคลื่อนพันธกิจตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยทรัพยากรน้ำเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ ที่มีการสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคน และมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน
“โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ” คือหนึ่งในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม ที่ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี 2564 เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งต่อองค์ความรู้ในการอนุรักษ์แหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ โดย “โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ” ปีที่ 3 ในปีนี้ เป็นการขยายโครงการรักษ์น้ำ ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้จากระดับจังหวัดสู่ระดับประเทศ เพื่อจุดประกาย ความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ให้กับเยาวชน โดยมีครูเป็นผู้ส่งต่อและสร้างแรงบันดาลใจ
ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า กล่าวว่า “น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลและอนุรักษ์น้ำมาโดยตลอด เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นต่อคำสัญญา ‘To inspire the brilliance of life, by creating rich experiences for people, in harmony with nature.’ หรือในภาษาไทยว่า ‘เพื่อบันดาลให้เกิดความล้ำเลิศ ของชีวิต ด้วยการสร้างประสบการณ์อันล้ำค่าให้กับผู้คนอย่างสอดประสานกับธรรมชาติ’ ของซันโทรี่ กรุ๊ป ที่ได้สนับสนุนโครงการเกี่ยวกับน้ำในระดับสากล รวมถึงกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ โดยยึดหลักปรัชญาว่าด้วยการรักษาน้ำให้ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘Growing for Good’ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
มธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า กล่าวว่า “หนึ่งในพันธกิจของ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด คือความ รับผิดชอบต่อสังคมและธรรมชาติ เราจึงมีความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งโครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุ เกิดจากความต้องการส่งเสริมและให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้กับเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและการดำเนินชีวิต เพื่อตอกย้ำปรัชญาของซันโทรี่
“ในปีนี้ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย สานต่อโครงการจากปีที่ผ่านมา โดยทำงานร่วมกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขยายผลของโครงการรักษ์น้ำ ต้นแบบกระบวนการเรียนรู้จากระดับจังหวัดสู่ระดับประเทศ ใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ต้นน้ำ จังหวัดเชียงราย พื้นที่กลางน้ำ จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ปลายน้ำ จังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่ทะเล ในจังหวัดกระบี่
อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า “ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาเน้นการทำงานกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั่วภูมิภาค เพราะเยาวชนคืออนาคตของประเทศ และอนาคตของประเทศจะอยู่ในมือของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ในกิจกรรมค่ายรักษ์น้ำเราได้สร้างกระบวนการเรียนรู้เรื่องน้ำที่เชื่อมต่อกับทุกๆ ภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้เยาวชนได้มีความเข้าใจว่าการดำรงชีวิตของตัวเองสร้างผลกระทบอะไรให้กับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และทะเลบ้าง เป็นการกระตุ้นการดูแลสิ่งแวดล้อมระดับชาติในสังคมของเยาวชน
“สิ่งที่พิเศษของโครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุในปีนี้ คือเป็นโครงการระยะยาวตลอดปีที่ได้ทำกับเยาวชนในพื้นที่ การได้ เข้าร่วมกับภาครัฐอย่างกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทำให้เราได้เยาวชนที่มาจากโรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) และเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กที่มีพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ทำให้ง่ายขึ้นในการเพิ่มเติมองค์ความรู้เรื่องน้ำผ่านห้องเรียนธรรมชาติ โดยต่อยอดจากสิ่งที่ภาครัฐได้ทำมา เป็นความหวังที่จะได้เห็นเยาวชนกลุ่มนี้เติบโตมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการรักษ์น้ำมิตซุยกุได้วางแผนการดำเนินงานโครงการระยะยาวต่อเนื่อง 3 ปี โดยปีแรกคือปี 2566 เป็นจุดเริ่มต้นในการเพาะเมล็ดพันธุ์ ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำในพื้นที่ ปี 2567 คือการขยายเมล็ด ด้วยการเพิ่มจำนวนคน และสร้างการรับรู้ที่เพิ่มขึ้น และปี 2568 เป็นปีแห่งการปลูกเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นการนำต้นแบบการเรียนรู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือโรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) และสร้างฐานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและน้ำออกไปให้กว้างที่สุด เพื่อสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด