“วิโอเลต วอเทียร์” ป็อปสตาร์ที่มีไลน์การร้องพิเศษเฉพาะตัว เธอประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินมาอย่างต่อเนื่องตลอดการทำงานในวงการกว่า 10 ปี เธอสร้างผลงานเพลงฮิตทั้งไทย และสากลออกมามากมาย จนได้รับคำชื่นชมจากศิลปินร่วมวงการ สื่อมวลชน รวมไปถึงแฟนเพลง และถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 “วิโอเลต วอเทียร์” ปล่อยซิงเกิลในชื่อ “SMOKE” เพลงอิเล็กทรอนิกส์ป็อป สุดเซ็กซี่ กับลีลาท่าเต้นที่เธอสร้างตำนานท่าเลื้อยตัว จนกลายเป็นไวรัล และยากจะหาคนเลียนแบบ แถมปล่อยมาเพียง Audio ไม่มี MV แต่กลับกวาดยอดวิวจากคนเข้าชมสูงถึง 92 ล้านวิว ก่อนจะตอกย้ำความฮอตของเธอด้วยการปล่อยอัลบั้มเพลงสากลครั้งแรกในชีวิตภายใต้ชื่อ “Glitter and Smoke” มีเพลงดังที่ทุกคนคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็นเพลง I’d Do It Again, Drive หรือ Brassac ฯลฯ เรียกว่าวินาทีนั้นชื่อของ “วิโอเลต วอเทียร์” ถูกพูดถึงอย่างหนาหู ในฐานะศิลปินลูกครึ่งไทย-เบลเยียม ที่เตรียมก้าวสู่ระดับ Global อีกคนของวงการเพลง

มาถึงปี 2022 เธอประกาศปล่อยอัลบั้มเพลงไทยในชื่อ “Your Girl” เธอมีเพลงดังที่ใครหลายคนร้องตามได้ทันที ได้แก่ ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time), กักตัว (Quarantine), ยื้อเพื่อ (Be Honest) ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เสริมและส่งให้ชื่อของ “วิโอเลต วอเทียร์” เติบโตและก้าวสู่การเป็นป็อปสตาร์ท็อปฟอร์มของวงการเพลง พร้อมกับคว้า 2 รางวัลมาครอบครองได้แก่ “Best Female Artist Of The Year” จาก “The Guitar Mag Awards 2023” และ “รางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยม” จาก “สีสัน อวอร์ด ครั้งที่ 33”

มาถึงวันนี้ผ่านมา 4 ปี “วิโอเลต วอเทียร์” เป็นอีกหนึ่งศิลปินระดับ Global ที่ยังคงหลงใหลในเสียงเพลง และยังคงสร้างผลงานเพลงออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังอยู่เสมอ เธอปล่อย EP ALBUM เพลงสากลอีกครั้ง ในชื่อ “CALL ME DRAMATIC” กับโมเม้นท์ที่อยากสาดทุกอารมณ์แบบไม่มีฟิลเตอร์เจือปน เรียกได้ว่า EP ALBUM นี้คุณจะเห็น “วิโอเลต” แสดงออกในเวอร์ชั่นสุดโต่งแบบเกินร้อย ที่ทุกคนจะต้องเอ็นจอยไปกับเธอ!

ซึ่งเธอแชร์มุมมองต่อคอนเซ็ปต์ของ EP ALBUM “CALL ME DRAMATIC” เอาไว้ว่า “CALL ME DRAMATIC คือ EP ALBUM ที่วีเลือกเล่ามู้ดของเพลงให้เป็นมู้ดของหนัง มีกิมมิคและเรื่องราวของหนังหลายเรื่องหลายแนวแทรกอยู่ในเนื้อเพลง เหมือนคุณกำลังฟังเพลง ไปพร้อมๆ กับการดูหนังหลายอารมณ์เลยค่ะ อย่างรูป Cover Art วีเลือกใช้โทนสีแดง เพราะมันแสดงออกถึงความ DRAMATIC ความฉูดฉาด ความสด เหมือนเวลาเราเข้าไปดูหนังในโรงหนังเรามักจะเห็นสีแดงอยู่เสมอ ซึ่งวีรู้สึกว่าแต่ละเพลงใน EP ALBUM มีเรื่องราว และอารมณ์เพลงไม่เหมือนกัน วีอยากให้ทุกคนได้ลองฟังกัน เชื่อว่าจะสัมผัสถึงมู้ดของหนัง ผ่านเนื้อเพลงแต่ละเพลงจริงๆ ค่ะ”

นอกจากนี้เธอยังบอกว่า ใครที่ตั้งใจแสดงออกทางความรู้สึก หรือความคิดของตนเอง สามารถใช้เพลงใน EP ALBUM “CALL ME DRAMATIC” เพื่อเป็นสื่อกลางแทนความรู้สึก แทนอารมณ์ในช่วงนั้นของคุณได้เลย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรักแฟนคุณมาก และเขาดีมากจนคุณอยากจะอวดให้โลกรู้ว่า คุณอิจฉาตัวเองเหลือเกิน ที่มีแฟนที่รักคุณได้มากขนาดนี้ เชื่อว่าเพลง “ENVY” จะเป็นเพลงที่ตอบโจทย์ทางอารมณ์ดราม่านั้นของคุณ และถ้าใครที่ชื่นชอบการแสดงออกทางอารมณ์ที่สุดโต่งอยู่แล้ว เชื่อว่า EP ALBUM “CALL ME DRAMATIC” จะแทนความรู้สึกเหล่านี้ของพวกคุณอย่างแน่นอน …. เรามายอมรับ และเอ็นจอยไปกับเรื่องราว DRAMATIC กันเถอะ “WELCOME TO OUR DRAMA”

ซึ่งความพิเศษ ของการเปิดตัว EP ALBUM “CALL ME DRAMATIC” ในครั้งนี้ “วิโอเลต วอเทียร์” ได้เชิญแขกคนสำคัญมาร่วมเจาะลึกทีละเพลงในงาน “CALL ME DRAMATIC PREMIERE DAY” เพื่อให้ทุกคนได้ทำความรู้จัก EP ALBUM นี้มากขึ้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งงานถูกจัดขึ้นที่ชั้น 3 ห้อง Auditorium – อาคารอัศวโสภณ บรรยากาศภายในงานดีไซน์มาเพื่อให้แขก สื่อมวลชน KOLs และแฟนเพลงได้เข้ามาสัมผัสถึงมู้ดของบรรยากาศ EP ALBUM ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ถูกเชื้อเชิญเข้ามาในโรงภาพยนตร์ที่ รายล้อมไปด้วยเสียงเพลงที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเธออย่างชัดเจน โดย “อร-พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน” ทำหน้าที่พิธีกรพูดคุยเจาะลึกถึงเพลงใน EP ALBUM เริ่มตั้งแต่ “DRAMATIC” ที่ “วิโอเลต” เล่าว่า เป็นเพลงที่ให้กลิ่นหนังสไตล์ฝรั่งเศส ผสมคอมเมดี้เข้าไป ต่อด้วยเพลง “ENVY” เพลงที่ใครได้ฟังจะนึกถึงหนังรักสุดโรแมนติก เหมือนกับที่เธอหยิบยกเรื่องราวความรักของเพื่อนสนิทอย่าง “นัตตี้-นันทนัท” และ “แมน-ณัฐภูมิ” มาเล่าในมุมมองที่น่าอิจฉามากๆ ในความคิดของเธอ

มาต่อกันที่เพลงที่ 3 อย่าง “BEST FRIEND” เพลงที่เธอเล่าเพิ่มเติมว่า เป็นเหมือนหนัง coming of age ซึ่งเป็นเพลงที่เธอบอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัวมากที่สุด โดยเพลงนี้ เขียนถึงความคิดถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่ไม่ได้คุยกันแล้ว และยังหวังว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกในอนาคต แถมเธอยังเล่าด้วยว่าเพลงนี้มีความจริงใจ ไม่มีฟิลเตอร์สุดๆ ซึ่งเธอเป็นคนโปรดิวซ์เพลงนี้เอง และเสียงเปียโนที่ทุกคนได้ยินในเพลงก็เป็นฝีมือการเล่นของเธอเองเช่นกัน เพลงที่ 4 กับ “DANCING ON A GRAVEYARD” เพลงที่สื่ออารมณ์ตรงตัวมากๆ เป็นอีกโมเม้นท์ความเจ็บปวดในความรักจากคนเห็นแก่ตัว จนมาถึง “BETTER NOT CALL ME NOW” เพลงที่เธอยกให้เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธสุดๆ เป็นความโกรธที่เจ็บปวด สาดอารมณ์ความ DRAMATIC ทั้งเพลง ต่อด้วยเพลง “FAVOURITE MISTAKE” เพลงมู้ดเซ็กซี่ ที่เธอพาทุกคนให้ย้อนนึกถึงวัยรุ่นปาร์ตี้กัน ปิดท้ายด้วยเพลง “BACK TO REALITY” ที่เซอร์ไพรส์แขกทุกคนในงานด้วยการเปิด MV ให้ได้ชมก่อนใคร!! เรียกว่าเธอซ่อน easter egg เอาไว้ใน MV เพลงนี้แบบจัดเต็ม อยากรู้ว่าเรื่องราวของ “BACK TO REALITY” เป็นอย่างไรรอชมเต็มๆ วันที่ 10 ตุลาคมนี้ทาง YouTube ช่อง “Violette Wautier”
สามารถฟังเพลงจากอัลบั้ม “CALL ME DRAMATIC ได้ที่นี่: https://VioletteWautier.lnk.to/CALLMEDRAMATICPR

Synopsis EP ALBUM “CALL ME DRAMATIC”
รายละเอียดทั้ง 7 บทเพลง ที่ “วิโอเลต วอเทียร์” นิยามเอาไว้ 3 คำ ได้แก่ “ฉูดฉาด ไม่มีฟิลเตอร์ ตลก”

  1. DRAMATIC
    เป็นเพลงที่มาจากการคิดคนเดียว พูดคนเดียว หรืออารมณ์มโนของผู้หญิง เวลาคนเรามีความรัก เรามักจะวาดฝันอะไรไปก่อนหน้าแล้ว ทั้งที่บางทีความสัมพันธ์ยังไม่ทันเริ่มต้นเลย ตกอยู่ในช่วงเวลาคลั่งไคล้กับสิ่งหนึ่งมากๆ ชนิดที่พยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้มโนแล้ว แต่ก็ห้ามไม่ได้
  2. ENVY
    เป็นเพลงที่เล่าถึงมุมมองคู่รักที่อิจฉาตัวเองที่ได้เจอความรักที่ดี และตั้งคำถามว่าทำไมฉันถึงโชคดีขนาดนี้ที่ฉันได้เจอคนน่ารักแบบเธอ “ENVY” ในบริบทที่ “วิโอเลต” ตั้งใจจะสื่อสารออกมานั้น เธอสามารถแปลงสารความหมายคำว่า “ENVY” ในเชิง Negative เรื่องความรู้สึก “อิจฉา” ให้กลายเป็นความหมายเชิง Positive ที่ว่า “ฉันอิจฉาตัวเองจังที่มีเธอเป็นคนรัก” โดย “วิโอเลต” แต่งเพลงนี้เพื่อมอบเป็นของขวัญในวันแต่งงานของเพื่อนสนิทอย่าง “นัตตี้-นันทนัท ฐกัดกุล” และ “แมน-ณัฐภูมิ เหล่าสถิรวงศ์”
  3. BEST FRIEND
    เพลงนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทที่ถึงขั้นต้องเลิกคบ เพราะดันเกิดการผิดใจกัน ทำให้เราสูญเสียเพื่อนสนิท แต่ในขณะเดียวกันเราก็คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และมีความหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้อีกครั้ง
  4. DANCING ON A GRAVEYARD
    เพลงที่ “วิโอเลต” นิยาม keyword เอาไว้ 5 คำนั่นก็คือ “หลุมศพความสัมพันธ์” คืออีกหนึ่งมุมมองความรักเชิงประชดประชัน ผ่านการตั้งคำถามว่า คนหนึ่งสามารถมีความสุขอยู่ได้อย่างไร? ในขณะที่อีกคนกำลังทนทุกข์ทรมาน เจ็บปวด จากคนเห็นแก่ตัว ถูกทำร้ายจิตใจ และความรู้สึก โดย “วิโอเลต” ยังมีนัยยะแอบแฝงว่าคนหนึ่งสุข อีกคนทุกข์ เพราะถูกเหยียบย่ำ ก็ไม่ต่างอะไรกับการ “เต้นรำบนสุสาน” หรือเต้นรำบนหลุมฝังศพของคนที่ตายไปแล้ว มันก็เหมือนกับการที่เราติดกับอยู่ใน “หลุมศพความสัมพันธ์” นั่นเอง
  5. BETTER NOT CALL ME NOW
    เป็นเพลงที่สื่อถึงอารมณ์โกรธใครคนหนึ่ง ที่เรามีสิ่งดีๆ มอบให้เขา ทำเพื่อเขาทุกอย่าง แต่เรากลับค้นพบกว่าเขาไม่ได้รักเราจริงๆ มันทำให้เราคิดว่าความสัมพันธ์นี้ควรพอ เพราะเราก็ไม่อยากคุยกับเขาแล้วเช่นกัน และเธอก็ไม่ต้องโทรมาหาฉันอีกนะ เป็นเพลงที่เรียกว่าเสียใจจนโกรธ
  6. FAVOURITE MISTAKE
    เพลงเนื้อหาสุดยั่วเย้า แสนออดอ้อน กับซาวดนตรี ป็อป อิเล็กทรอนิกส์ โดย “วิโอเลต” อยากให้เพลงนี้ เป็นตัวแทนของสาวมั่น ที่กล้าแสดงความชัดเจน เปิดเผยความรู้สึก และแสดงความต้องการของตัวเองอย่างไม่เขินอาย ผ่าน feeling ที่แสนจะเซ็กซี่ ซึ่ง “วิโอเลต” ยังบอกอีกว่า “FAVOURITE MISTAKE” เต็มไปด้วยการแสดงออกของหญิงสาวที่กล้าหาญ จงใจสร้างแรงดึงดูดที่อยากจะทำความรู้จักใครสักคน ผ่านความใกล้ชิด เพื่อให้อีกฝ่ายสนใจ และหลงใหลในความเซ็กซี่นั้น ถึงแม้ความสัมพันธ์นี้อาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จริงจังก็ตาม
  7. BACK TO REALITY
    เพลงของ “วิโอเลต” แทนอารมณ์คนเพ้อฝัน ที่ฝันว่าจะมีความรักดีๆ เข้า